ข่าววันนี้

ภารกิจล้มเหลวเท่ากับจบชีวิต!! เปิดใจ 2 หนุ่มนักรบเหนือมนุษย์ผู้ผ่านการฝึกโคตรโหดที่สุดของเมืองไทย และพร้อมจะทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติแล้ว!!!

loading...


เปิดใจ 2 นักรบเหนือมนุษย์ คนแรก ‘พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน’ หมอแกร่งที่สุดในปฐพี และคนที่สอง นักรบเลือดเหล็กผู้ปฏิบัติภารกิจลับระดับชาติ นามแฝง ‘ผู้กองโบ้’ ทั้งสองท่านนี้ ผ่านการฝึกสมรภูมิรบพิเศษที่เรียกได้ว่า ‘โคตรโหดที่สุดของเมืองไทย’ คือ หลักสูตรลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบก (RECON) และ หลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม (SEAL) มาแล้ว

การที่จะก้าวเข้ามาเรียนในหลักสูตรรบพิเศษนั้น จะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมาย ซึ่งไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนอยากจะฝึกก็เดินเข้ามาสมัครกันง่ายๆ ผู้กองโบ้ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า แต่ละหลักสูตรนั้น จะมีคุณสมบัติที่กำหนดไว้ เช่น เป็นนายทหารหน่วยใด อายุเท่าไร ที่สำคัญคือ จะต้องผ่านการทดสอบทางร่างกายทั้งวิดพื้น ดึงข้อ ซิตอัพ ลุกนั่ง วิ่ง ว่ายน้ำ ส่วนเรื่องการสอบของเหล่านาวิกโยธินจะมีสอบวัดความรู้เกี่ยวกับการทหารราบและสอบจิตวิทยาด้วย

นอกจากนี้ เมื่อสอบผ่านแล้วนักเรียนรบพิเศษทุกคนจะต้อง ‘ถอดยศ’ ก่อนเข้ารับการเรียน เพราะทหารทุกนายมีค่าเท่าเทียมกัน ไม่มีคนนั้นเป็นนายร้อย หรือคนนี้เป็นนายสิบ ทุกคนเป็นนักเรียนเหมือนๆ กัน รวมทั้งทุกคนที่สมัครใจเข้ารับการฝึก จะต้องพร้อมเผชิญหน้ารับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้

  รบพิเศษ-ทหารเกณฑ์ ไม่เหมือนกัน!?

พ.ท.นพ.ภาคย์ อธิบายถึงความแตกต่างของการฝึกทหารเกณฑ์และหน่วยรบพิเศษ ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า การฝึกทหารเกณฑ์มาจากพลเรือนที่มีทั้งสมัครใจและไม่ได้สมัครใจ (ผู้ที่จับได้ใบแดง) จึงมีมาตรฐานอยู่ในกรอบที่กำหนด ซึ่งการฝึกทหารเกณฑ์ สำคัญมากคือ กฎระเบียบในการลงโทษ ครูฝึกไม่สามารถถูกเนื้อต้องตัว ตี หรือทำร้ายร่างกายได้ เพราะเป็นการฝึกเปลี่ยนจากพลเรือนให้เข้าสู่ระบบทหาร หากละเมิดก็จะมีบทลงโทษอย่างสูงสุดจนถึงขั้นปลดออกจากราชการก็มี

ขณะที่ การฝึกหน่วยรบพิเศษ คนที่เข้ามาฝึกเป็นข้าราชการ นายทหารชั้นประทวน นายทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งส่วนใหญ่จะศึกษาข้อมูลมาแล้วว่าจะต้องมีการฝึกอะไรบ้าง จะต้องเจอการลงโทษอย่างไร กฎกติกา ข้อห้าม และการฝึกรบพิเศษนั้น เพื่อที่จะนำไปใช้ในสถานการณ์ที่มีความกดดัน หรือภาวะที่มีความเสี่ยงสูง เพราะฉะนั้น การฝึกจะต้องมีความเข้มข้นเป็นพิเศษ ไม่ใช่ฝึกแบบธรรมดาทั่วไป รวมถึงบทลงโทษด้วย อย่างไรก็ตาม การฝึกหน่วยรบพิเศษเป็นเรื่องของการสมัครใจไปฝึก ไม่มีการบังคับเด็ดขาด ซึ่งนักเรียนรบพิเศษส่วนใหญ่ทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่า เข้ามาจะต้องเจออะไรบ้าง


loading...
ทำไม ทหาร ต้องฝึกโหด?

เมื่อไม่นานมานี้มีภาพของทหารที่ถูกลงโทษแพร่กระจายในโซเชียลมีเดีย หลายคนมองว่าเป็นการทารุณกรรม ทำลายสิทธิมนุษยชน โหดร้ายเกินมนุษย์มนา จึงแสดงความเห็นด้วยความโกรธ รวมทั้งด่าทอด้วยถ้อยคำอันรุนแรง

คุณหมอหกหลักสูตรรบพิเศษ ขอให้เหตุผลถึงการฝึกสุดโหด ว่า การฝึกรบพิเศษเป็นความสมัครใจในการฝึก ซึ่งเมื่อก้าวขาเข้ามาฝึกแล้ว นั่นหมายความว่า คุณได้เข้าสู่สถานการณ์ในสมรภูมิรบที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดแล้ว และต้องยอมรับกฎเกณฑ์นั้นให้ได้

“ทำไมการทำปืนหาย หรือสูบบุหรี่ ถึงต้องโดนลงโทษหนัก ก็เพราะมันเป็นกฎเหล็กของหลักสูตรรบพิเศษ ซึ่งนักเรียนทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ครูฝึกเขาก็ให้เหตุผลว่า ของบางอย่างที่ผิดกฎรุนแรง เช่น เรื่องบุหรี่ เพราะแสงจากบุหรี่หรือกลิ่นจากบุหรี่เพียงแค่มวนเดียวก็สามารถตรวจการณ์ได้จากระยะไกล ฉะนั้น ก็อาจจะทำให้หน่วยโดนโจมตีและสูญเสียกำลังพลไปมหาศาล เพราะการไร้วินัยของคนๆ เดียวก็ได้ ส่วนปืนหาย ครูฝึกบอกตั้งแต่วันแรกของการฝึกแล้วว่า ปืนเป็นของติดตัว หายไม่ได้เลย เพราะถ้าหายไปในสถานการณ์จริง ปืนกระบอกนั้นก็ย้อนกลับมาฆ่าหน่วยเดียวกันได้อีกไม่รู้กี่คน ทุกอย่างย่อมมีเหตุมีผล ไม่ใช่การใช้อารมณ์” หมอภาคย์ อธิบาย


 ภารกิจล้มเหลว = จบชีวิต

ผู้กองโบ้ กล่าวเสริมในเรื่องเดียวกันว่า สำหรับภารกิจของหน่วยรบพิเศษส่วนใหญ่จะเป็นภารกิจการปฏิบัติการรบหลังแนวรบข้าศึก (แนวหน้าคือตามแนวปะทะกันที่แนวเขตแดน ส่วนกลุ่มที่อยู่ในประเทศคือ แนวหลัง แต่การปฏิบัติการรบพิเศษ จะแฝงตัวอยู่ในแนวหลังของข้าศึก) พูดง่ายๆ คือ ประเทศที่เป็นฝ่ายตรงข้าม เราต้องแอบไปปฏิบัติภารกิจในประเทศเขา ซึ่งหากถูกจับได้ ผลลัพธ์ไม่ว่าจะเป็นทางการทูต ความมั่นคง โดนร้องเรียนได้หมด ฉะนั้น ห้ามผิดพลาด!!!

ดังนั้น การฝึกหรือการทำโทษที่หนัก จะทำให้รู้ว่า 1. หากปฏิบัติภารกิจผิดพลาด ชีวิตคงไม่ได้กลับประเทศแน่นอน 2. ความมั่นคงระหว่างประเทศเกิดขึ้นแน่นอน เพราะการปฏิบัติการของหน่วยรบพิเศษจะส่งผลกระทบในภาพรวมของยุทธศาสตร์ประเทศได้ ฉะนั้น จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากหากมีความผิดพลาดขึ้น อย่างเช่น การลอบเข้าไปโจรกรรมข้อมูลของประเทศฝ่ายตรงข้าม หากถูกจับได้ผลกระทบก็จะเกิดขึ้น อย่างน้อยคือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่จะสั่นคลอน

“อาชีพทหารโดยเฉพาะรบพิเศษ อาวุธคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ได้ ถือเป็นโทษที่ร้ายแรงมากสำหรับการฝึก ถ้าในการฝึกเขาจะบอกว่า รักปืนมากกว่ารักเมีย เพราะต้องนอนกอดปืนทุกคืน ปืนต้องติดตัวตลอดเวลาแม้แต่เข้าห้องน้ำ และครูฝึกจะหาทุกวิถีทางในการขโมยอาวุธเราอยู่แล้ว เราก็ต้องหาทุกวิถีทางในการป้องกันไม่ให้ครูฝึกมาขโมยอาวุธเราเหมือนกัน และสมมติสิ่งนั้นเป็นความลับของชาติที่เราเป็นคนรักษาแต่ทำหายไป ถามว่าความผิดร้ายแรงแค่ไหนกัน?

ในการปฏิบัติการจริงไม่ได้ถูกลงโทษด้วยการตีนะ แต่มันคือชีวิต แน่นอนว่ามันจะต้องโดนทรมานมากกว่านี้ เขาต้องพยายามใช้ทุกวิถีทางในการรีดข้อมูลจากเรา สุดท้ายก็จบด้วยการประหารชีวิตเรา ฉะนั้น โทษในการฝึกถือว่าเบากว่าในการปฏิบัติการจริงเยอะ การปฏิบัติการจริงโหดร้ายยิ่งกว่าสงครามที่ปะทะกันเสียอีก” นักรบเลือดเหล็ก ชี้แจงจากประสบการณ์
หัวใจของหน่วยรบพิเศษ คือ สติ

หลักสูตรที่ถูกขนานนามว่า ‘นักรบเลือดเหล็ก’ หรือ ‘คนเหนือคน’ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ธรรมดา กว่าจะฝ่าฟันจนได้รับเครื่องหมายอันภาคภูมิใจอยู่บนแผงอกมาได้ ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จิตใจอันแข็งแกร่ง

ผู้กองโบ้ เผยว่า ภาคภูมิใจที่ผ่านจุดที่ใครๆ ก็ต่างบอกว่ามันหนักหนาสาหัสมาได้ ซึ่งก็ทำให้ได้ใช้วิชาความรู้จากการฝึกไปปฏิบัติภารกิจสำคัญๆ มากมายที่ได้รับมอบหมาย เพราะว่าในบางภารกิจจำเป็นจะต้องใช้คนที่ผ่านการฝึกหน่วยรบพิเศษเท่านั้นที่จะเป็นผู้ปฏิบัติได้ อย่างเช่น การถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง หรือบุคคลสำคัญต่างๆ รวมทั้งการปฏิบัติการลับต่างๆ ด้วย

“หัวใจของการฝึกรบพิเศษเลย คือ การมีสติ เพราะถ้าเราพลาดคือความเสียหายที่เราไม่สามารถประเมินค่าได้ ในภาวการณ์คับขันฉุกเฉิน เช่น กรณีระเบิดที่กรุงเทพฯ ถ้าเป็นบุคคลทั่วไปสัญชาตญาณก็วิ่ง วุ่นวาย แต่หากเป็นสัญชาตญาณของคนที่ฝึกมาแล้ว เขาจะนิ่ง และตรวจรอบๆ ที่เกิดเหตุทันที เขาจะไม่โวยวายเป็นผึ้งแตกรัง นักรบพิเศษส่วนใหญ่เขาไม่แตกตื่นหรืออ่อนไหวอะไรง่ายๆ” นักรบเลือดเหล็ก กล่าวทิ้งท้าย


loading...
ทีมา:http://www.siamvariety.com/view-13289.html

About sima

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.