ข่าววันนี้

พระแท้!! ออกแสวงบุญจากอินเดียไปยังเนปาล ทิเบต และสุดท้ายมาจบที่ประเทศไทย พระพุทธรักขิตะ ภิกษุจากยูกันดาผู้ไม่เคยย่อท้อ พร้อมเผยถึงการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ น่าศรัทธรายิ่งนัก!!?!!

loading...



จากที่เป็นข่าวกันไปเรื่องของ นายจูเลียน ดีซิเลต หรือ "พระจูเลี่ยน" ชาวแคนาดาที่เข้ามาบวช ใต้ร่มพระพุทธศาสนาในประเทศไทยไปนั้น จะเห็นได้ว่า ว่าหากเรามุมานะที่จะศึกษาหาความรู้ในสิ่งใดแล้ว ก็ไม่มีพรมแดนใดที่ขวางกั้นไม่ให้เราศึกษาได้ พระจูเลี่ยนก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ประจักษ์ชัด แต่นอกจากพระจูเลี่ยนแล้ว ทางเรายังอยากพาท่านไปรู้จักกับ “พระพุทธรักขิตะ”  ในภาษาบาลีมีความหมายว่า “ผู้ปกปักษ์รักษาพระพุทธเจ้า” ภิกษุผิวสี จากประเทศยูกันดา ที่เลือกเดินทางตามรอยพุทธศาสนาและเผยแผ่ธรรมในทวีปแอฟริกาสืบต่อไป

  พระพุทธรักขิตะภิกขุ เดิมมีชื่อว่า สตีเว่น คาบอคโกซา (Steven Kaboggoza) เกิดเมื่อปีค.ศ.1966 ในครอบครัวชาวคริสต์ ณ กรุง กัมปาลา ประเทศยูกันดา ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา ตั้งแต่วัยเด็กแล้ว เด็กชายสตีเว่น คาบอคโกซา มักใช้เวลาว่างไปกับการนั่งคิดพิจารณาอยู่เสมอ โดยที่ท่านไม่ได้ทราบมาก่อนเลยว่า สิ่งนี้จะกลายเป็นบ่อเกิดของการนั่งสมาธิของเขาในอนาคต



               ในทวีปแอฟริกา ศาสนาพุทธไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้จักผ่านหนังสือเรียนเท่านั้น ที่จะทราบกันอย่างผิวเผินเพียงว่า มีศาสนาพุทธอยู่ เมื่อนายสตีเว่น เติบโตขึ้นเขาได้ศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย และแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ท่านมีเพื่อนร่วมชั้นเป็น พระสงฆ์สองรูปจากประเทศไทยของเราเอง  นั่นทำให้ท่านได้ทำความรู้จักกับพระพุทธศาสนาไปทีละเล็กละน้อย

   หลังจากนั้นเป็นต้นมา ท่านไม่เคยละความพยายามที่จะศึกษาพุทธศาสนา ท่านเดินทางไปธิเบตอยู่บ่อยครั้ง เพื่อไปฟังเทศน์จากองค์ดาไลลามะ

           "อาตมาจึงออกแสวงบุญจากอินเดียไปยังเนปาล ทิเบต และสุดท้ายมาจบที่ที่ประเทศไทย เคยได้ยินเรื่องหนึ่งพันความสุขหนึ่งพันความเศร้าไหม อาตมาเรียนรู้เรื่องนี้ระหว่างการเดินทาง..."

             จากนั้นไม่นานท่านก็ตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย.. นายสตีเว่น มาอาศัยอยู่ที่เกาะเต่าเพื่อเป็นครูสอนดำน้ำพร้อมทั้งศึกษาธรรมะไปด้วย ช่วงเวลานั้น ท่านเล่าว่า ท่านคิดว่าตนเองมีความสุขมาก เพราะรายได้ค่อนข้างดี และได้พบปะผู้คนมามากมายจากทั่วโลก แต่แล้ววันหนึ่งความสุขได้กลับกลายเป็นความน่าเบื่อ ท่านพบว่าท่านไม่อาจหาความสุขได้จากเงินทองได้อีกต่อไป

ตัดสินใจกลับบ้าน หลังจากออกจากบ้านมานานกว่า 7 ปี ภาพของนักธุรกิจอย่างที่คนในครอบครัวคาดหวัง ไม่ได้ปรากฏ กลับเป็นภาพของชายหนุ่มผู้กลับบ้านไปพร้อมเครื่องมือดำน้ำ และหนังสือธรรมะอีกหลายเล่ม ญาติๆของท่านรับไม่ได้กับภาพดังกล่าว พวกเขาถึงขั้นพูดคุยกันว่า จะเผาหนังสือธรรมะที่ท่านนำกลับไป เพื่อให้ท่านกลับมานับถือศาสนาคริสต์อีกครั้ง



และการตัดสินใจครั้งใหญ่ ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อท่านได้ออกเดินทางไปยังอเมริกา เพื่อไปศึกษาธรรมะในศูนย์ปฏิบัติธรรม ท่านศึกษาอยู่หลายต่อหลายปี จนกระทั้งในปี ค.ศ. 2001 ท่านเดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนาตถาคต (Tathagata) ทีเอ็มซี - TMC - Tathagata Meditation Centre ในเมืองซาน โฮเซ่ (San Jose) รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ถึงแม้ว่าที่แห่งนี้จะเป็นเพียงศูนย์ปฏิบัติธรรมเล็กๆ ก็ตาม เพื่อพบกับท่านปัณณาธิภา (Pannadipa) และขอบวชกับท่านในทันที ทั้งๆที่ไม่เคยทราบถึงพิธีการขอบวชมาก่อน ท่านปัณณาธิภา (Pannadipa) ซึ่งในที่สุดได้นำไปสู่การ บวชเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทที่ทีเอ็มซี ซาน โฮเซ่ แคลิฟอเนียร์ ในปี ค.ศ.2002 โดยอาจารย์ของท่านคือ ท่านซายาดอว์ ยู สิละนันทะ (Sayadaw U. Silananda)

เมื่อท่านศึกษาธรรมะจนถึงระดับหนึ่ง ท่านได้ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ว่า จะต้องกลับไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ยูกันดาให้จงได้ และเรื่องราวแห่งความยากลำบากก็เริ่มต้นขึ้น ..

  ผู้คนในละแวกต่างมองท่านด้วยความคลางแคลงใจ บ้างก็ว่าท่านถูกมนต์ดำ บ้างก็ว่าท่านวิกลจริต บางครั้งเด็กๆ ก็ร้องไห้จ้า ด้วยความตกใจ บ้างก็เห็นบาตรของท่านเป็นเครื่องดนตรี เดินมาตีบ้าง จนเป็นที่ตลกขบขัน แต่ด้วยวัตรปฏิบัติของท่านที่เรียบง่าย และงดงาม ไม่เคยถือโทษโกรธผู้ใด แต่ไขข้อสงสัยให้แก่ผู้ที่เข้ามาตั้งคำถามอย่างใจเย็น จนเป็นที่น่าประทับใจ ทำให้ผู้คนที่นั่นเปิดใจให้กับท่านมากขึ้น อีกทั้งยังพอมีร้านอาหารไทยในละแวก ท่านจึงมีผู้นำภัตราหารมาถวาย ได้โดยไม่ติดขัด

               มาวันนี้ศูนย์พระพุทธศาสนาในยูกันดาได้รับการสถาปนา ในนาม Uganda Buddhist Centre - UBC ได้รับการสถาปนาตั้งแต่ปี 2005

               ซึ่ง “ภิกษุพุทธรักขิตะ” ได้กล่าว ว่า

         “เมล็ดพันธุ์แห่งพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทได้ถูกปลูกฝังลงในยูกันดาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาแห่งการดูแลให้เติบใหญ่ หวังว่าเมล็ดพันธุ์ที่มีประโยชน์นี้จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและเติบโตอย่างแข็งแรง แผ่ขยายไพศาลเป็นผลไม้แห่งประโยชน์ของสัตว์โลกทั้งปวง”

ข้อมูลจาก : พุทธรักขิตาภิกขุ กับการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในแอฟริกา โดย คุณ สุภาศิริ อมาตยกุล
loading...

About sima

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.