ข่าววันนี้

กระจ่าง!! ทำไมจึงห้าม เผาศพ ในวันศุกร์ พอได้รู้เรื่องทำเอาขนหัวลุก มันมีตำนานเรื่องเล่าแบบนี้เอง!???

loading...

เสฐียรโกเศศเล่าไว้ในหนังสือ |การตาย| ว่า การห้ามเผาศพในวันศุกร์นั้น เป็นสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า sympathetic magic คือ สิ่งใดมีลักษณะคล้ายคลึงกัน สิ่งนั้นก็เป็นผลเหมือนกัน วันศุกร์ชื่อก็บอกว่า สุข ถึงจะมีคำแปลต่างกัน แต่เสียงเหมือนกันก็ขึ้นชื่อว่า สุขอยู่นั่นเอง ถือกันว่าเป็นวันดี
การเผาผีถือเป็นเรื่องไม่เป็นมงคล ถ้าเผาในวันศุกร์ ก็อาจจะถูกลากให้ความสุขได้รับอิทธิพลของความไม่เป็นมงคล ทำให้กลายเป็นทุกข์ไปได้ บางทีก็เชื่อกันว่า เผาผีวันศุกร์ให้ทุกข์แก่ญาติ
แต่ก่อนถือกันว่า ห้ามเผาศพในวันคู่ข้างขึ้น วันคี่ข้างแรมเป็นอัปมงคล เรียกว่า ผีเผาคน ต้องเผาวันคี่ข้างขึ้น วันคู่ข้างแรม เรียกว่า คนเผาผี เพราะแรม ๑ ค่ำ เท่ากับวันที่ ๑๖ ของเดือนกลายเป็นวันคู่ไป ส่วนวันแรม ๒ ค่ำ เท่ากับวันที่ ๑๗ ของเดือนกลายเป็นวันคี่ไป เพราะฉะนั้นการเผาวันคู่ในข้างแรมจึงเท่ากับเป็นวันคี่เหมือนกัน ที่ให้เผาวันคี่ อธิบายในเชิงปริศนาธรรมได้ว่าความตายเป็นของเฉพาะตัว จะเอาไปให้คนอื่นตายแทนไม่ได้ วันเผาจึงต้องเป็นวันคี่


นอกจากนี้ยังห้ามเผาศพในวันพฤหัสบดีและวันพระอีกด้วย เพราะวันพฤหัสบดีถือว่าเป็นวันครู ไม่ควรให้อัปมงคลเข้ามาเกลือกกลั้วในวันนั้น สำหรับการเผาศพในวันพระอาจทำให้สัตว์ที่อาศัยอยู่กับศพหรือที่หีบศพพลอยเสียชีวิตไปด้วย ถ้าใครตาย วันเสาร์ ห้ามเผาในวันอังคาร เพราะถือว่าเป็นวันกล้าในคติโหราศาสตร์ ถ้าเผาวันนั้นผีจะดุ
การห้ามเผาวันคู่ในข้างขึ้น เผาวันคี่ ในข้างแรม ในระยะ ๗ วัน วันแรกเป็นแรม ๑ ค่ำ เป็นวันจันทร์ ก็จะเผาได้แต่วันอังคาร วันพฤหัสบดี วันศุกร์ และวันอาทิตย์ ถ้าวันศุกร์และวันพฤหัสบดีห้ามเผาด้วย ก็เหลือแต่วันอังคาร และวันเสาร์ ที่เผาผีได้ ถ้าเผอิญศพนั้นตายวันเสาร์ ก็ต้องตัดวันอังคาร ออกวันหนึ่ง เหลือแต่วันอาทิตย์เพียงวันเดียวใน ๗ วัน
แต่ในสมัยนี้ไม่ค่อยเคร่งครัดเหมือนแต่ก่อน เท่าที่ถือกันอยู่ คือห้ามเผาผีวันศุกร์ ในกรุงเทพฯ นั้น วัดดัง ๆ ส่วนมากเมรุไม่ค่อยว่าง ต้องจองคิวกันนาน จึงอนุโลมเผากันทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบด้วยซ้ำ
“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี” และเพจ พระอธิการ นพดล กันตสีโล วัดหนองรั้ว

loading...
ทีมา:http://khaososo.blogspot.com/2016/11/blog-post_54.html

About sima

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.